คำสั่งจากนรก

ได้ดูผลงานของ “สิงโตพันล้าน” เชลซีแล้ว บอกตรงๆ ว่าหนาวขี้ครับ มีอย่างที่ไหน เก่งอย่างเดียวไม่พอโชคยังดีสุดๆ อีกต่างหาก หากใครได้ดูภาพในเกมกับ โบลตัน จะเห็นชัดๆ เลยครับว่าความจริงแล้วเชลซี สมควรที่จะเหลือผู้เล่น 10 คนในขณะที่ตามหลังอยู่ 0 – 1 มิคาแอล เอสเซียง ย่ำเข้าไปเต็มๆ หน้าแข้งของ “ทาล เบน ฮาอิม” จังหวะนั้นดูกี่รอบๆ มันก็ต้องเป็นใบแดงของเอสเซียง อย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่ทำให้เขารอดพ้นมาได้นั่นก็คือกึ๋นของเขา ซึ่งเชลซี ไม่ได้มีกึ๋นเฉพาะโค้ช นักเตะมันก็โคตรฉลาด(แกมโกง) เพราะไอ้กองกลางจอมถึกจากกานา เจ้าของค่าตัว 26 ล้านปอนด์มันเล่นลงไปล้มกลึ้งล้มหงาย แกล้งทำเป็นเจ็บ เลยได้รับแค่ใบเหลืองจากกรรมการผู้ปฏิเสธ 2 จุดโทษของแมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งมีนามว่า “ร็อบ สไตล์ส”
ซึ่งหากใครจำได้ ไอ้เหตุการณ์ตบตากรรมการแบบนี้มันเคยเกิดขึ้นกับเชลซี เมื่อ 2 ปีที่แล้วในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศนัดแรก ระหว่างเชลซี กับโมนาโก ผมจำไม่ได้ว่านักเตะโมนาโก ผู้โชคร้ายคนนั้นชื่ออะไร แต่ผมจำเหตุการณ์ได้ดีครับ เดี๋ยวจะย้อนอดีตกันหน่อย
จังหวะชุลมุนกันระหว่างนักเตะเชลซี กับโมนาโก นักเตะโมนาโก คนนั้น โดนโคล้ด มากาเลเล่ เตะล้มไปแล้วเขาคนนั้นก็ลุกขึ้นมา แล้วนำมือมาลูบหัวเหม่งของมากาเลเล่ พลันกองกลางแชมป์โลกคงเหลือบไปเห็นผู้ตัดสินหันมาแบบไม่สังเกตอะไรเต็มที่พี่มากาเลเล่ แกเลยได้จัดการล้มลงไปกลิ้งกับพื้น กรรมการคนซื่อพี่เลยวิ่งมาแจกใบแดงให้กับนักเตะโมนาโก คนนั้น
แต่ “จิ๊กโก๋มีกรรม” อย่างเชลซี ก็โดนกรรมตามทันครับเพราะพวกเขาต้องพ่ายแพ้ต่อโมนาโก ตกรอบรองชนะเลิศไปแบบเจ็บแสบจากฝีมือของลูกทีมดิดิเย่ร์ เดชองส์
มาถึงฤดูกาลนี้อีกครั้ง ความโชคดีในครั้งนั้นทำให้เชลซี แพ้ใครไม่เป็น รวมถึงชนะรวดมาแล้ว 9 นัดติดต่อกัน อุ๊ว์แม่เจ้า !! อะไรมันจะไร้เทียมทานขนาดนั้น ซึ่งนัดต่อไปพวกเขาจะต้องบุกไปเยือนกูดิสัน ปาร์ค ซึ่งไม่น่าจะเป็นปัญหาของเด็กๆ ของเสี่ยหมี และนัดที่ 11 แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส จะเป็นทีมที่จะมาท้าทายรวมถึงช่วยสเปอร์ส ไม่ให้โดนทาบสถิติ ซึ่งหากยังจำกันได้ ปีที่แล้วแบล็กเบิร์น ทีมนี้เคยเกือบจะฟาดเชลซี ได้แล้ว แต่การพลาดจุดโทษของพอล ดิ๊กคอฟ ทำให้ลูกทีมของมาร์ค ฮิวจ์ส ไม่สามารถเผด็จศึกเชลซีได้ และก็แบล็กเบิร์น นี่ล่ะ ที่ทำให้แพทย์คนหนึ่งของเชลซี โดนมูรินโญ่ ตะเพิดออกจากตำแหน่งเพราะไม่สามารถทำให้อาร์เยน ร็อบเบน หายเจ็บกลับมาได้ตามใจของน้ามู
ซึ่งหากนัดที่ 11 ของฤดูกาลนี้ “ศิษย์” อย่างสปาร์กี้ ไม่สามารถดับโอหังเชลซี ได้ คราวนี้ก็ถึงทีของ “อาจารย์” อย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่จะต้องนำ “ทัพอสูร” มาหยุดยั้งเชลซี ที่ “โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด” ที่ที่เดียวกับที่เคยหยุดสถิติของอาร์เซน่อล เมื่อ 1 ปีก่อน ซึ่งนั่นก็ทำให้ไอ้ปืนใหญ่ เป๋ มาจนถึงวันนี้
ซึ่งหากดูแล้ว มันก็เหมือนกับ “คำสั่งจากนรก” ที่ส่งบุตรมารอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาหยุดโคตรทีมต่างๆ เพราะหากย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อนเท่าที่ผมเคยจำความได้ ผีแดงเคยขวางกั้นไม่ให้ลิเวอร์พูล ยุครุ่งเรืองคว้า “เทรบเบิ้ล แชมป์” ก่อนที่ 1 ทศวรรษต่อมา ผีแดงจะมาเป็นทีมแรกที่คว้า 3 ถ้วยใหญ่อย่าง พรีเมียร์ชิพ , เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
มาถึงฤดูกาลที่แล้วอาร์เซน่อล ที่ทำผลงานอย่างสุดยอดคว้าแชมป์มาโดย “ไร้พ่าย” และไม่แพ้ใครมา 49 นัด จนมาถึงนัดที่ 50 ซึ่งถ้าทำได้มันจะเป็นสถิติที่สุดยอดทีเดียวเพราะมันหมายถึงการไม่แพ้ใครถึง ครึ่งนึงของ 100 นัด แต่เมื่อมาถึงเธียร์เตอร์ ออฟ ดรีม ของขวัญชิ้นเล็กๆ จากไมค์ ไรลี่ย์ ที่มอบให้กับเวย์น รูนี่ย์ มันก็ทำให้สถิติของไอ้ปืนใหญ่หยุดลงที่ 49 นัด และทำให้แฟนปืนที่ยอมรับความจริงไม่ได้บางคนถึงกลับบ้าเหมือนกับโค้ชตัวเอง ถึงขนาดลงทุนคิดตั้งฉายาโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซะใหม่ว่า “ดิ เธียร์เตอร์ ออฟ ชีท” ถุยส์ส์
และหลังจากนั้นหลายต่อหลายนัดอาร์เซน่อลก็เกิดอาการ “เครื่องรวน” จนโดนเชลซี ที่มั่นคงและแน่นอน แซงหน้าและคว้าแชมป์ไปเชยชมอย่างสมภาคภูมิ
มาจนถึงฤดูกาลนี้เชลซี มีสถานการณ์เดียวกับอาร์เซน่อล พวกเขาคว้าแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ และสร้างสถิติมากมาย และพวกเขาก็ไล่ล่าสถิติ “เปิดตัวชนะรวด” ซึ่งเป็นสถิติตลอดกาลของ “ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์” ที่ทำเอาไว้ 11 นัดเมื่อยุค ’60 ซึ่งเชลซี กำลังจะเทียบมันได้แล้วในอีก 2 นัดข้างหน้า
ซึ่งถ้าหากทำได้ประวัติศาสตร์ก็จะบันทึกไว้ว่ามี 2 ทีมที่สามารถชนะรวดได้ถึง 11 นัดนับแต่เปิดฤดูกาล และนัดที่ 12 ถือเป็นเกมสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากทำได้ เชลซี จะถูกบันทึกไว้แต่เพียงผู้เดียวว่าชนะรวดมาได้ 12 นัด ซึ่งถ้าผ่านไปได้ ก็ไม่รู้แลวล่ะครับว่าใครจะมาหยุดพวกเขาอยู่
ซึ่งนัดที่ 12 มันก็เหมือนฟ้าลิขิต หรือนรกสั่งการมาอะไรก็ช่าง เพราะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกส่งมาเป็นผู้กล้าที่จะหยุดความโอหังของโชเซ่ มูรินโญ่ และสมุน
เหตุการณ์มันช่างเหมือนกันกับฤดูกาลที่แล้วเสียเหลือเกิน และถ้าหากโคตรทีมจากนรกอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้แม่ทัพรุ่นเก๋าอย่างเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สามารถดับซ่าแม่ทัพหนุ่มจอมโวอย่างโชเซ่ มูรินโญ่ ได้นั่นมันก็อาจหมายถึง โอกาสที่จะได้ทำภารกิจ “เอาแชมป์ของกูคืนมา” ให้ลุล่วงเสียที
เพราะการชนะเชลซี ได้ มันหมายถึงทุกอย่าง
การตัดแต้ม เชลซี
การลดช่องว่างระหว่างคะแนน
ความมั่นใจของนักเตะ
และมันก็จะช่วยแสดงให้เห็นว่า “เชลซี ก็แพ้เป็น” ซึ่งทีนี้ล่ะ ทีมอื่นก็จะมาสู้เชลซี ได้อย่างสนุกแน่นอนเพราะ ผีแดงจะเปิดช่องโหว่ของเชลซี ให้เห็น
แต่ถ้ากลับกันเชลซี บุกมาเอาชนะผีแดงได้ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็พูดได้ว่า “ตัวใครตัวมัน” ล่ะครับ ,,,,
ซาอุดรฯ

2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC

Related Posts